วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Anti-oxidant Mushroom : แอนติออกซิแดนต์กับเห็ด

                                             เห็ดกับแอนติออกซิแดนต์



เมื่ออนุมูลอิสระเกิดขึ้นในร่างกาย จะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันและอาจทำลายดีเอ็นเอในเซลล์ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์เปลี่ยนเป็นเซลล์ร้าย

แต่ทว่าจริงๆแล้วร่างกายเราทุกคนมีกลไกทางชีวภาพที่จะกำจัดอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ เราสามารถช่วยให้ร่างกายทำหน้าที่เหล่านี้ได้ดีขึ้น ด้วยการเสริมสารแอนติออกซิแดนต์ตามธรรมชาติเข้าไป ต่อไปนี้คือสูตรแอนติออกซิแดนต์ที่ควรรับประทานเป็นประจำ
  • แคโรทีนอยด์ : แหล่งอาหารธรรมชาติที่ดีที่สุดของแคโรทีนอยด์ คือผักและผลไม้สีส้มเหลือง เช่น มะม่วง ข้าวโพด มันฝรั่ง แครอท มะเขือเทศ และผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า หากไม่ค่อยได้กินผักเหล่านี้ให้กินผลิตภัณฑ์เสริมแคโรทีนอยด์วันละ 10,000-20,000 IU โดยเลือกที่มีแอลฟาแคโรทีน เบต้าแคโรทีน และควรมีลูทีนกับไลโคปีนรวมอยู่ด้วย
  • วิตามินอี : ทางที่ดีควรเป็นวิตามินอีคอมเพล็กซ์ 80 มิลลิกรัม และมีโทโคไทรอีนอลอย่างน้อย 15 มิลลิกรัม ควรหลีกเลี่ยงวิตามินอีสังเคราะห์ที่เรียกว่า "ดีแอล-แอลฟา-โทโคฟีรอล" (DL-alpha-tocopherol) และควรกินวิตามินอีพร้อมกับซีลีเนียมโดยกินพร้อมอาหารเพื่อให้ไขมันจากอาหารช่วยในการดูดซึม
  • วิตามินซี : เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ที่มีประสิทธิภาพ วิตามินซีไม่ก่อให้เกิดพิษ แม้จะกินในขนาดสูงๆก็ตาม
  • ซีลีเนียม : เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ที่มีประสิทธิภาพในการต้านมะเร็งดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ซีลีเนียมมีความเป็นพิษอยู่ แม้จะกินในขนาดไม่สูงมาก
  • โคเอนไซม์คิวเท็น : เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ตามธรรมชาติอีกชนิดหนึ่ง กินวันละ 60  มิลลิกรัม เลือกประเภทที่เป็นใส เพราะดูดซึมได้ดีกับอาหารประเภทไขมัน และควรกินพร้อมอาหารมื้อที่คุณกินมากที่สุด
  • เห็ด : นักวิจัยได้ค้นคว้าเกี่ยวกับประโยชน์ของเห็ดว่าช่วยเสริมภูมิชีวิตได้ โดยพบความเป็นไปได้อย่างหนึ่งว่า เห็ดมีพอลิแซคคาไรด์ ซึ่งทำปฎิกิริยากระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของผนังเซลล์คล้ายเชื้อแบคทีเรียและกระตุ้นการตอบสนองต่อภูมิชีวิตเหมือนกัน อีกทั้งยังพบว่าพลังในการเยียวยาของเห็ดจะมากขึ้นหากใช้เห็ดหลายชนิดรวมกัน ซึ่งได้ประโยชน์มากกว่าใช้ชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงชนิดเดียว

    เห็ดแครง
    คุณค่าอาหารที่ดีต่อร่างกายพร้อมกับการต่อต้านมะเร็ง